“ภาวะตาแห้ง” โรคฮิต เลี่ยงยาก ของคนวัยทำงาน และการรับมือที่ถูกต้อง

“ภาวะตาแห้ง” โรคฮิต เลี่ยงยาก ของคนวัยทำงาน และการรับมือที่ถูกต้อง

ทุกวันนี้ แทบทุกคนต้องใช้มีโทรศัพท์มือถือ หรือจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แล้วยิ่งอายุมากขึ้น ร่างกายเราจะสร้างน้ำตาลดลง ความชุ่มชื้นในตาลดลง ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาหรือแสบตาได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้บางคนเป็นกังวลว่า หากปล่อยไว้ไม่รักษาหรือปรับพฤติกรรม จะเป็นอันตรายไหม แล้วควรทำอย่างไรดี วันนี้เภสัชกรขอชวนมารู้จักภาวะตาแห้งกันให้มากขึ้นค่ะ

 

ภาวะตาแห้ง คืออะไร

ภาวะตาแห้ง เป็นภาวะที่ดวงตาขาดน้ำตา เกิดจากปริมาณน้ำตาที่ลดลงหรือน้ำตาที่ผลิตออกมาไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ โดยน้ำตาของมนุษย์ประกอบไปด้วย น้ำ กรดไขมันและเยื่อเมือกต่าง ๆ เกิดเป็นสารที่ปกคลุมและเคลือบผิวดวงตาให้มีความชุ่มชื้นและยังมีส่วนในการป้องกันการติดเชื้อได้อีกด้วย

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้ง

  • เมื่ออายุมากขึ้น ต่อมน้ำตาจะเริ่มเสื่อม ทำให้ร่างกายสร้างน้ำตาน้อยลง โดยเฉพาะหญิงวัยหมดประจำเดือน จะมีระดับฮอร์โมนลดลง ทำให้ปริมาณน้ำตาลดลงมากขึ้น
  • การใส่คอนแทคเลนส์ อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะตาแห้งได้
  • สิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน มลภาวะ สภาพอากาศแห้ง
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเกินไป
  • การผ่าตัดหนังตา หรือการใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา
  • โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน และโรคภูมิแพ้ตัวเอง
  • การใช้ยาบางประเภทอาจทำให้มีอาการตาแห้ง เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาคลายเครียด ยาลดความดันโลหิตบางชนิด เป็นต้น

 

อาการของภาวะตาแห้ง

  • คันตา แสบตา ระคายเคืองตา 
  • มีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้ายทรายหรือฝุ่นอยู่ในตา
  • แพ้แสง แพ้ลม
  • ตาแดง น้ำตาไหลมาก 
  • การมองเห็นอาจจะลดลง หรือมองเห็นภาพไม่ชัดเท่าที่ควร 
  • ตามัวในบางขณะ
  • รู้สึกไม่สบายตาเมื่อตื่นนอน

 

วิธีการรักษาและป้องกันเบื้องต้น

สำหรับใครที่มีภาวะตาแห้ง สามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง โดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อลดปัจจัยหรือเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ตาแห้ง เช่น 

 

  • ใช้น้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
  • ใช้ยาหยอดตากลุ่มที่มีสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการคันระคายเคืองตา แต่การใช้ยากลุ่มนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และใช้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
  • ทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำยาพิเศษ เพื่อกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา
  • ประคบเปลือกตาด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำเช้า - เย็น
  • นวดและทำความสะอาดเปลือกตาเป็นประจำ 
  • ลดการเพ่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือในที่มืดหรือแสงน้อย
  • พักใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุก 20 นาที อาจใช้วิธีหลับตา 20 วินาที หรือมองไกลประมาณ 20 ฟุต จะช่วยให้สบายตาขึ้น

 

หากเราปล่อยให้เกิดภาวะตาแห้งนานหรือบ่อยเกินไปโดยไม่รักษา อาจจะทำให้เกิดอาการเปลือกตาอักเสบ เปลือกตาถูกดึงรั้งจนทำให้ขนตาทิ่มตา หรือกระจกตาเป็นแผล หากลองดูแลอาการด้วยตัวเองแล้ว แต่อาการตาแห้งยังรุนแรงขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างถูกต้องนะคะ



ผู้เขียน

สิราวรรณ ล้วนสุธรรม 

เภสัชกรภ.46245 

 

หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ที่ ปวด ป่วย อาย จาม "ถามMacy" เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ

 

อ่านอะไรต่อดี ? 

น้ำตาเทียมแบบรายวัน-รายเดือน ใช้รักษาตาแห้งอย่างไร

ภาวะ CVS ภาวะปวดตาจากการมองจอคอม (Infographic)

เคล็ดลับดูแลสายตาคนวัยทำงาน ถนอมสายตาอย่างไร

 

บทความการดูแลสุขภาพ