แอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) ประโยชน์ ข้อดี ควรทานแค่ไหน

แอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) ประโยชน์ ข้อดี ควรทานแค่ไหน

แอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) สารอาหารที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้จากอาหารตามธรรมชาติเท่านั้น ถือเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์แต่มีในปริมาณสัดส่วนที่น้อยมาก อาจต้องกินอาหารทะเลเป็นกิโลกรัมถึงจะได้สารที่เพียงพอ หากต้องการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำ ควรทานแบบสำเร็จรูปจะควบคุมปริมาณสารอาหารชนิดนี้ได้

 

แอสต้าแซนธิน คือ อะไร

แอสต้าแซนธินเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) พบ ในปลาแซลมอน เปลือกกุ้งปู และ Microalgae Haematococcus Pluvialis ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับสารชนิดนี้จากอาหารชนิดอื่น

แต่ปริมาณที่ได้จากธรรมชาติจะน้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสต้าแซนธินเพียง 1 มิลลิกรัม เท่านั้น

แอสต้าแซนธินจากธรรมชาติ สกัดได้จาก สาหร่ายสีแดง Microalgae Haematococcus Pluvialis จากประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นการสกัด ด้วยระบบปิด ปราศจากการปนเปื้อน ไม่ใช้สารเคมี ทำให้ได้แอสต้าแซนธินธรรมชาติบริสุทธิ์ 100% มีคุณภาพสูง มีปริมาณความเข้มข้นคงที่ ทำให้เรามั่นใจ ในการเลือกรับประทานแอสต้าแซนธินธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะมีความปลอดภัย ไม่สะสม และที่สำคัญคือมีการะบุแหล่ง ที่มาอย่างชัดเจน ภายใต้คุณภาพการผลิตระดับสากล

 

ข้อดีของแอสต้าแซนธิน

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ชะลอความชรา ลดริ้วรอย
  • ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ
  • ช่วยบำรุงสายตาลดอาการเมื่อยล้าของสายตา
  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • ช่วยดูแลสุขภาพกระเพาะอาหาร

 

ผู้ที่ควรทานแอสต้าแซนธิน

  • ผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพทุกเพศทุกวัย
  • ผู้ที่ใส่ใจในความงามและสุขภาพผิว
  • ผู้ที่ต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆเป็นประจำเช่น
  • ความเครียด ฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถยนต์
  • ผู้ที่ทำงานหนัก
  • ผู้ที่ต้องทํางานใช้สายตากับคอมพิวเตอร์นาน
  • นักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีภาวะความเครียด
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารอักเสบ

 

ปริมาณของแอสต้าแซนธิน ต่อวัน

มีรายงานการวิจัยระบุว่า แนะนำให้รับประทานแอสต้าแซนธิน วันละ 2-12 มก. เป็นประจํา

 

ประโยชน์ของแอสต้าแซนธิน

สารต้านอนุมูลอิสระ

แอสต้าแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในปัจจุบัน แอสต้าแซนธินมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ได้ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งแตกต่างกับ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ที่แค่ช่วยปกป้องภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์เท่านั้น ดังนั้นแอสต้าแซนตินสามารถปกป้องเซลล์ได้ครอบคลุมมากกว่านั่นเอง

มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทําการศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ พบว่า แอสต้าแซนธินมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้แรงกว่าสารชนิดอื่น ดังนี้

  • วิตามิน ซี 6,000 เท่า
  • CoQ10 800 เท่า
  • วิตามิน อี 550 เท่า
  • Green tea catechins 550 เท่า
  • Alpha lipoic acid 75 เท่า
  • เบต้าแคโรทีน 40 เท่า
  • สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า

 

ชะลอความชรา ลดริ้วรอย

ริ้วรอยที่ปรากฏ เป็นผลสืบเนื่องจาก ผิวหนังชั้นในสุดถูกทําลาย เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความชรา ผิวหนังจะใช้เวลาในการสร้างเซลล์ผิวใหม่เพื่อทดแทนเซลล์ผิวที่ตายแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ ส่งผลให้ผิวหนังหม่นหมอง ไม่สดใส เกิดริ้วรอย แอสต้าแซนตินจะดักจับอนุมูลอิสระที่ผลิตออกมา จึงทำให้ผิวหนังสามารถเกิดกระบวนการสร้างใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ริ้วรอยลดลง และเกิดความสมดุลของเกราะกำบังผิว

 

ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน

คนที่เป็นเบาหวานจะมีการสร้างอนุมูลอิสระปริมาณมาก เมื่ออนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น เชลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลินถูกทําลายได้ง่าย ทําให้อินซูลินทำงานผิดปกติ เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจากการศึกษาพบว่าแอสต้าแซนธินธรรมชาติ สามารถลดอนุมูลอิสระในเซลล์ตับอ่อนได้ จึงช่วยชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มความไวต่อการทำงานของอินซูลินกับเซลล์ภายในร่างกายอีกด้วย

 

ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

อนุมูลอิสระสามารถทำลายเซลล์ของผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ ซึ่งแอสต้าแซนธินสามารถกำจัดและป้องกันอนุมูลอิสระที่จะมาทําลายผนังหลอดเลือด จึงช่วยยับยั้งการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่า แอสต้าแซนธินธรรมชาติ สามารถลดการเกิดออกซิเดชันของ LDL Cholesterol ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์และไขมันรวม และช่วยเพิ่ม HDL Cholesterol (ไขมันชนิดดีต่อสุขภาพ) ได้อีกด้วย

 

ช่วยดูแลสุขภาพกระเพาะอาหาร

แอสต้าแซนธินธรรมชาติจะช่วย ลดการเกิดการอักเสบในทางเดินอาหาร อันเนื่องมาจากเชื้อ H.pyroli อันเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคกระเพาะอาหาร และกระเพาะอาหารอักเสบ

 

ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อดวงตา

แอสต้าแซนตินจะต่อต้านการทำลายของอนุมูลอิสระ ที่ซึมผ่านเยื่อหุ้มเชลล์ที่กล้ามเนื้อตา ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่มาเลี้ยงจอตา ช่วยให้กล้ามเนื้อที่ปรับย่อขยายเลนส์ตาแข็งแรงมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น และช่วยลดความเมื่อยล้าจากการหดตัวของกล้ามเนื้อดวงตา

 

ช่วยเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ

จากผลการศึกษาโดยให้รับประทานแอสต้าแซนธิน ธรรมชาติ ขนาด 2-4 มก./วัน เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า แอสต้าแซนธินธรรมชาติช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มระดับ ความทนทานของร่างกาย ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นและอ่อนเพลียน้อยลง

 

บทความแนะนำ

วิตามินซี (Vitamin C) ประโยชน์ ปริมาณที่ควรทานแต่ละวัน

แคลเซียมผสมวิตามินรวม ดีอย่างไร ช่วยด้านไหนบ้าง

ทานไข่ทุกวัน วันละหลายฟอง ปลอดภัยจริงไหม

สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากภายในด้วยโพรไบโอติกส์ (Probiotics)

 

บทความการดูแลสุขภาพ