เคยรู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์แปรปรวน อารมณ์ร้าย สลับกับอารมณ์ดี จนส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือกระทบกับความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างบ้างไหม ? เคยสงสัยไหมว่าอาการแบบนี้ถือว่าเป็นโรคไบโพลาร์หรือไม่ หายเองได้ไหม ต้องไปหาหมอหรือเปล่า ? บทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคไบโพลาร์ให้มากขึ้น
โรคไบโพลาร์ เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์สองแบบเปลี่ยนแปลงไปมาสลับกัน คือ อารมณ์ดี คลุ้มคลั่งหรือก้าวร้าวผิดปกติ (Manic Episode) และ อารมณ์ซึมเศร้า (Depressive Episode) ซึ่งโรคไบโพลาร์นั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง, การนอนหลับที่ผิดปกติ รวมทั้งความเครียดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ได้เช่นกัน
อาการของโรคไบโพลาร์ แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่
1.อารมณ์ดี คลุ้มคลั่ง หรือก้าวร้าวผิดปกติ (Manic Episode)
⁃ รู้สึกตนเองมีความสำคัญมาก มีคุณค่าตัวเองสูงเกินจริง
⁃ นอนน้อย รู้สึกกระสับกระส่าย
⁃ พูดมาก พูดไม่ยอมหยุด พูดเร็ว
⁃ ความคิดฟุ้งซ่าน มีหลายความคิดเข้ามาในสมอง กิจกรรมมากมากผิดปกติ
2.อารมณ์ซึมเศร้า (Depressive Episode)
⁃ ซึมเศร้า เบื่ออาหาร
⁃ นอนหลับมากเกินไป อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
⁃ รู้สึกผิด รู้สึกตัวเองไร้ค่า ร้องไห้ง่าย
⁃ สมาธิลดลง ลังเลใจ ตัดสินใจไม่ได้
⁃ คิดอยากฆ่าตัวตาย
สำหรับการรักษาโรคไบโพลาร์สามารถรักษาด้วยยาเป็นหลัก หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวจะเป็นโรคดังกล่าว ควรไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการ ทำความเข้าใจกระบวนการบำบัดจิตใจ รับยาเพื่อปรับสารสื่อประสาทและควบคุมอารมณ์
ที่สำคัญ ผู้ป่วยไบโพลาร์นั้นต้องการความเข้าใจและกำลังใจจากครอบครัว สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ไบโพลาร์นั้นเป็นเพียงอาการป่วยรูปแบบหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ผู้ที่ป่วยไม่ได้แปลว่าเป็นบ้าหรือน่ารังเกียจ โดยโรคไบโพลาร์นี้สามารถรักษาให้หายได้ และผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติในสังคมได้อย่างมีความสุข