ทุกวันนี้ การท้องไม่พร้อมเป็นปัญหาที่พบได้มากขึ้น ข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกพบว่า ในปี 2554 มีวัยรุ่นอายุ 15 - 19 ปี ประมาณ 54 คนจาก 1,000 คน ที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ซึ่งอาจจะเกิดจากการไม่คุมกำเนิดหรือเลือกวิธีการคุมกำเนิดไม่เหมาะสม ดังนั้นการเลือกวิธีคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตนเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร
ที่มา : Freepik
การคุมกำเนิดทำได้กี่วิธี ?
ในปัจจุบันการคุมกำเนิดนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีขั้นตอน เงื่อนไข และค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป โดยการคุมกำเนิดด้วยวิธีการต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้
วิธีที่ 1 ใช้ถุงยางอนามัย
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย ใช้ได้ทุกสถานการณ์ ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึงประมาณ 98% หากใช้อย่างถูกวิธี ราคาไม่แพง และสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้จึงเป็นวิธีที่แนะนำให้ทุกคนที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตรใช้เป็นอันดับต้นๆ
วิธีที่ 2 ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม
ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ยาคุมกำเนิดในรูปแบบรับประทาน แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือวงแหวนคุมกำเนิด ซึ่งมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99.7% หากใช้อย่างถูกวิธี เหมาะกับคนที่สามารถใช้ยาได้อย่างสม่ำเสมอโดยยาคุมกำเนิดแต่ละรูปแบบจะมีราคาที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ราคาหลักสิบถึงหลักร้อย แต่วิธีนี้อาจเกิดผลข้างเคียงจากยาได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มีเลือดออกกะปริดกะปรอย จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งในการเลือกใช้ยาคุมกำเนิด
วิธีที่ 3 ฝังคุมกำเนิด
เป็นการฝังหลอดฮอร์โมนโปรเจสตินไว้ใต้ผิวหนังโดยฮอร์โมนจะค่อยๆถูกปลดปล่อยออกมา วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 99.95% ซึ่งสามารถคุมกำเนิดได้มากถึง 3 ปีต่อการฝังยา 1 หลอด คุมกำเนิดได้มากถึง 5 ปีหากฝังยา 2 หลอด และในช่วง 1 ปีหลังจากถอนยาออกอัตราการตั้งครรภ์ของหญิงที่เคยฝังยาคุมไม่ได้มีความแตกต่างกัน จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากเว้นการมีบุตรอย่างน้อย 2 ปี
โดยปัจจุบันหญิงไทยอายุระหว่าง 10 - 20 ปีสามารถติดต่อเรื่องการฝังยาคุมกำเนิดได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ส่วนกลุ่มคนที่อายุเกินกว่ากำหนดจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 - 3,000 บาท แต่ข้อเสียของวิธีนี้คืออาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือรอบของประจำเดือนเปลี่ยนไป
วิธีที่ 4 ใส่ห่วงอนามัย
วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด 99.4% มีอายุการใช้งาน 3 - 10 ปีหลังจากใส่ เหมาะกับคนที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว แต่ยังอยากกลับมามีบุตรได้ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อการใส่ 1 ครั้ง โดยหลังจากใส่ห่วงคุมกำเนิดแล้วอาจมีตกขาว มีประจำเดือนมากขึ้น หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้
วิธีที่ 5 ฉีดยาคุมกำเนิด
เป็นการฉีดฮอร์โมนโปรเจสตินเข้าในร่างกายโดยการฉีด 1 ครั้งสามารถคุมกำเนิดได้ 1 - 3 เดือน มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด 99.7% และราคาไม่แพง เหมาะกับคนที่ต้องการคุมกำเนิดชั่วคราวแบบที่ไม่อยากทานหรือใช้ยาบ่อยๆ แต่มีข้อเสียคือประจำเดือนอาจเปลี่ยนแปลง มีประจำเดือนกะปริดกะปรอย หรือไม่มีประจำเดือน
วิธีที่ 6 ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
เหมาะสำหรับคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นๆ หรือใช้แล้วพลาด เช่น ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือลืมทานยาคุมแบบฮอร์โมนรวม วิธีนี้แนะนำให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นและต้องทำตามคำแนะนำการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดประมาณ 85% ซึ่งต่ำกว่าวิธีอื่น
วิธีที่ 7 ทำหมัน
วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดอยู่ที่ประมาณ 99% เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตรแล้ว โดยสามารถติดต่อทำหมันได้ฟรีทั้งชายและหญิงที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ
แม้ว่าจะไม่มีวิธีคุมกำเนิดแบบใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า การคุมกำเนิดนั้นสามารถทำได้หลายวิธี มีทั้งทำได้เองที่บ้านและต้องถึงมือหมอ อีกทั้งค่าใช้จ่ายยังมีตั้งแต่หลักสิบบาทไปจนถึงหลักพัน ช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เข้ากับเงื่อนไขของตัวเองได้ง่ายขึ้น
ภญ.กมลชนก ไทยเรือง
ภ.43404
ผู้เขียน
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.unicef.org / multimedia.anamai.moph.go.th / hpc13.anamai.moph.go.th
บทความแนะนำ
- จริงหรือมั่ว ? กินยาคุมแล้วเสี่ยงมะเร็ง
- ยาคุมฉุกเฉิน กินบ่อยอันตราย จริงหรือ ?
- ยาคุมกำเนิด 21 เม็ด กับ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร ?
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา Fascino ผ่านระบบเทเลฟาร์มมาซี เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพทุกช่องทาง
- ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
- Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
- Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
- โทร : 02-111-6999