มะเร็งปากมดลูก ภัยเงียบที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม !

มะเร็งปากมดลูก ภัยเงียบที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม !

ถ้าพูดถึงคำว่ามะเร็ง ใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็น เพราะเป็นโรคที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะ "มะเร็งปากมดลูก" ซึ่งเป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยรองลงมาจากมะเร็งเต้านม โรคนี้เกิดจากการได้รับเชื้อ Human papilloma virus หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเชื้อ HPV ซึ่งมักจะติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าติดเชื้อแล้วจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป เพราะเชื้อ HPV นั้นมีหลายสายพันธุ์ มีทั้งสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็ง และไม่ก่อมะเร็ง วันนี้เภสัชกรจะชวนไปรู้จักกับโรคนี้กันให้มากขึ้น 

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ได้แก่

  1. ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีคู่นอนหลายคน
  2. ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป 
  3. การสูบบุหรี่
  4. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น โรคหนองใน โรคติดเชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ และโรคซิฟิลิส
  5. ผู้ที่ไม่เคยตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

 

สัญญาณเตือนของมะเร็งปากมดลูก

หากได้รับเชื้อ HPV ที่ก่อมะเร็งแล้ว ในช่วง 1 - 2 ปีแรกมักจะไม่มีอาการแสดง โดยที่เชื้อก็จะยังดำเนินโรคอยู่ในร่างกายของเรา แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเริ่มมีอาการของโรคมะเร็งปากมดลูก โดยหากเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

 

  • เมื่อหมดประจำเดือนแล้วแต่ยังมีเลือดออกจากช่องคลอด
  • มีอาการเจ็บช่องคลอด และมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 
  • มีตกขาวมากขึ้นหรือตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีเลือดปน และมีกลิ่นเหม็น
  • ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

 

แต่อย่างไรก็ตาม โรคนี้ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หรือที่เรียกกันว่า “การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear)” (ควรตรวจเมื่อมีอายุ 21 ปีขึ้นไป) และการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV (HPV vaccine) เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้แล้วค่ะ

 

 

ผู้เขียน

ธมนวรรณ พรพาณิชเจริญ 

เภสัชกร

 

หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ที่ ปวด ป่วย อาย จาม "ถามMacy" เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ

บทความการดูแลสุขภาพ