
“โอมิครอน” (Omicron) คือชื่อของโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังทำให้โลกตื่นตระหนกอยู่ทุกวันนี้และใกล้จะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทย ซึ่งเชื้อโควิดแต่ละสายพันธุ์ก็ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไม่เหมือนกัน จึงอาจทำให้หลายคนกังวลว่าอาการของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนี้จะแตกต่างจากสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่เดิมอย่างเดลต้าหรือไม่ สังเกตอาการโควิดอย่างไร บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกัน
ทำไมโควิดถึงกลายพันธุ์เร็ว
เริ่มกันกับคำถามแรกที่หลายคนอาจสงสัย ทำไมระยะเวลาเพียง 1 - 2 ปี ถึงตรวจพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์มากมายหลายชนิด สาเหตุเป็นเพราะธรรมชาติของเชื้อไวรัสนั้นมีการแบ่งตัวและกลายพันธุ์ตลอดเวลา ยิ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสกลายพันธุ์ง่ายขึ้น
เมื่อกลายพันธุ์แล้วจะทำให้ไวรัสมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งอาจกลายเป็นไวรัสที่ร้ายกว่าเดิมหรืออาจอ่อนแอลงก็ได้ ปัจจุบันมีโควิดที่กลายพันธุ์นับหมื่นสายพันธุ์ แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล
ความแตกต่างสายพันธุ์โอมิครอนและเดลต้า
โอมิครอน ถึงแพร่ได้เร็ว แต่ลงปอดช้ามาก ทำให้อาการน้อยกว่ามากจนคนส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล ด้านอาการไม่ค่อยแตกต่างจากสายพันธุ์อื่น อาการเหมือนไข้หวัดทั่วไป
สิ่งที่แตกต่างระหว่างโควิดโอมิครอนและเดลต้าเล็กน้อย คือ มีอาการปวดกล้ามเนื้อร่วม และมีรายงานว่าบางรายรู้สึกเหนื่อยล้าได้ง่าย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ติดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน
อาการโควิดสายพันธุ์โอมิครอน |
อาการโควิดสายพันธุ์เดลต้า |
|
|
อาการโควิดสายพันธุ์เดลต้า
เริ่มที่อาการของโควิดสายพันธุ์เดลต้าซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดอยู่ในไทยก่อนที่สายพันธุ์โอมิครอนจะเข้ามา โควิดสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นที่แพร่เชื้อรวดเร็วเพียง 5 - 10 วินาที อีกทั้งยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันร่างกายได้เก่งขึ้น โดยโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น
- ปวดหัว
- ไอ
- มีน้ำมูก
- เจ็บคอ
- มีไข้
ส่วนอาการจมูกไม่ได้กลิ่นที่เป็นอาการเด่นของโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านั้น กลับพบได้น้อยในผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์เดลต้า
อาการโควิดสายพันธุ์โอมิครอน
เนื่องจากโอมิครอนเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่มาก ทำให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ ยังมีน้อย โดยล่าสุดกรมการแพทย์ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เรียงจากอาการที่พบได้มากที่สุดไปจนถึงอาการที่พบได้น้อย มีรายละเอียดดังนี้
- ไอ 54%
- เจ็บคอ 37%
- ไข้ 29%
- ปวดกล้ามเนื้อ 15%
- มีน้ำมูก 12%
- ปวดศีรษะ 10%
สำหรับผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้น พบว่ามีอาการหายใจลำบากเพียง 5% และอาการได้กลิ่นลดลงพบน้อยมากเพียง 2% (ข้อมูลวันที่ 29 ธ.ค. 2564)
แม้อาการจะเปลี่ยนไป แต่ป้องกันได้ด้วยวิธีเดิม
แม้โควิดจะกลายพันธุ์มากี่ครั้ง หรือสายพันธุ์ปัจจุบันจะน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมและยังใช้ได้ผลคือการป้องกันเชื้อไวรัส ไม่ว่าจะเป็นฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้ครบโดส ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ระหว่างวัน หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือคนพลุกพล่าน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ฉีดวัคซีนแล้วจะยังมีโอกาสติดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนได้อยู่ก็จริง แต่วัคซีนสามารถลดความรุนแรงของไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้ ถึงโอไมครอนจะมีแนวโน้มป่วยรุนแรงน้อยลง ไม่ค่อยอันตรายสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มแล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ การแพร่เชื้อไปสู่บุตรหลานที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจทำให้ป่วยหนักได้ในกลุ่มที่มีภูมิต้านทานไม่แข็งแรงได้จึงควรป้องกันตัวอย่างเต็มที่
อ่านอะไรต่อดี ?
สรุปสั้นๆ โควิดลูกผสมสายพันธุ์ โอมิครอน
5 อาหารที่ควรเลี่ยง เสี่ยงโควิด-19
10 ไอเทมต้องมีช่วงกักตัว Home Isolation
จุดเด่นของวัคซีน mRNA ที่ต้องการเพื่อรับมือโควิดกลายพันธุ์
ขอบคุณภาพจาก Freepik
ขอบคุณข้อมูลจาก sikarin.com / กรมควบคุมโรค / Thairath
อาการโอไมครอนที่ต้องรู้ | Telepharmacy ใน 1 นาที
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา Fascino ผ่านระบบเทเลฟาร์มมาซี เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพทุกช่องทาง
- ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
- Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
- Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
- โทร : 02-111-6999