
สมัยก่อนจะมีคำโบราณที่พูดว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” ซึ่งเป็นความเชื่อของคนไทยมานาน โดยเป็นความเชื่อที่เกิดจากอาการตากระตุก ซึ่งหากตากระตุกไม่กี่ครั้งก็คงไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าตากระตุกทั้งวันไม่ยอมหยุดเลย อาจจะสร้างความรำคาญและมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ ที่สำคัญ อาการตากระตุกยังอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพอย่างอื่นได้อีกด้วย แล้วตากระตุกแบบไหนที่ต้องรีบไปพบแพทย์ ? ลองมาดูในบทความนี้กันค่ะ
อาการตากระตุก คืออะไร
อาการตากระตุก เกิดจากการที่กล้ามเนื้อรอบดวงตามีการเกร็งกระตุก หดตัวผิดปกติ มักเริ่มจากอาการเล็กน้อย และค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นรบกวนการมองเห็น ตาปิดและลืมตาไม่ขึ้น อาการตากระตุกส่วนใหญ่มักเกิดจากการได้รับปัจจัยกระตุ้นอย่างเป็นโรคตาหรือโรคเกี่ยวกับกระจกตา
ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการตกกระตุก
- นอนหลับไม่เพียงพอ
- มีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์มากเกินไป
- สูบบุหรี่มากเกินไป
- เจอแสงสว่างจ้า โดนลมหรือมลพิษทางอากาศ
- ตาล้า ตาแห้ง
- เกิดการระคายเคืองที่เปลือกตาด้านใน
- เป็นโรคภูมิแพ้
- ขาดวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารบางชนิด
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
อาการของตากระตุก
- กะพริบตาถี่ขึ้นหรือเปลือกตากระตุก อาจเกิดข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้
- กรณีตากระตุกรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการตาค้าง หรือไม่สามารถลืมตาขึ้นเองได้ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
โดยส่วนใหญ่อาการตากระตุกมักจะไม่รุนแรง สามารถหายได้เองอย่างรวดเร็ว แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- มีอากาารตากระตุกติดต่อกันนานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- เมื่อเกิดอาการตากระตุกแล้ว เปลือกตาปิดสนิททันที
- มีตำแหน่งที่เกิดตากระตุกเพิ่มขึ้น อาจเป็นที่ตาอีกข้างหนึ่ง เช่น ตาขวากระตุก แล้วตาซ้ายกระตุกตาม หรือเป็นที่บริเวณอื่นของใบหน้า
- บริเวณที่เกิดตากระตุกมีอาการอ่อนแรงหรือหดเกร็ง
- มีอาการบวม แดง หรือมีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากดวงตา
- เปลือกตาด้านบนห้อยย้อยลงมา รบกวนการมองเห็น
อาการตากระตุกไม่ได้อันตราย แต่อาจสร้างความรำคาญให้กับเราได้ เราจึงควรดูแลและคอยสังเกตตัวเองให้ดี หากพบว่ามีอาการตากระตุกบ่อยครั้ง ควรสังเกตว่าเราได้รับปัจจัยกระตุ้นใดที่ทำให้เกิดอาการตากระตุก แล้วจึงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น แต่ถ้ามีอาการตากระตุกเป็นเวลานาน ดูแลตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ผู้เขียน
สิราวรรณ ล้วนสุธรรม
เภสัชกร
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ที่ ปวด ป่วย อาย จาม "ถามMacy" เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ
- ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
- Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
- Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
- โทร : 02-111-6999
อ่านอะไรต่อดี ?
วิธีเลือกวีลแชร์ให้เหมาะกับผู้สูงอายุ