
เมื่อพูดถึงโรคยอดฮิตของคนไทยอีก 1 โรคก็คือโรคภูมิแพ้นั่นเอง แต่ภูมิแพ้ก็มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อากาศ แพ้ฝุ่น แพ้อาหาร ซึ่งอาการแสดงของโรคก็คล้าย ๆ กัน แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า การแพ้แต่ละแบบแตกต่างกันยังไง แล้วถ้าเป็นขึ้นมาจะหยิบยาแก้แพ้ขึ้นมากินได้เลยมั้ย วันนี้เภสัชกรได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ไปดูกันเลย
ภูมิแพ้อากาศ แพ้ฝุ่น
สาเหตุ เกิดจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง อากาศที่เย็นและแห้ง รวมถึงมลพิษหรือควันบุหรี่
อาการ มักมีอาการในช่วงเช้าหรือตอนกลางคืน โดยอาการอาจเกิดขึ้นตามช่วงฤดูกาล หรือเกิดตลอดทั้งปีก็ได้ อาการของภูมิแพ้อากาศเช่น มีน้ำมูก คัดจมูก คันจมูก จาม คันตา ระคายเคืองตา
ภูมิแพ้อาหาร
สาเหตุ เกิดจากการรับประทานอาหารที่แพ้ ทำให้ร่างกายเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่มี ต่อสารที่รับเข้ามาทำให้เกิดอาการแพ้
อาการ อาจเกิดทันทีหรือภายใน 6 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่แพ้ อาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก คัดจมูก, อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง, อาการทางระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด, อาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นลมพิษ มีผื่นคัน ตาบวม ปากบวม
การรักษาด้วยยา
ภูมิแพ้ทั้ง 2 ชนิด หากอาการไม่รุนแรง เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก สามารถรับประทานยาเม็ดแก้แพ้ได้ และใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้แพ้ชนิดกินรักษาอาการผื่นคัน ยาลดน้ำมูก ยาขยายหลอดลมหรือยาพ่นจมูก แต่ถ้าใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน
แต่หากมีอาการแพ้รุนแรง จะต้องได้รับเป็นยาฉีดกรณีฉุกเฉิน ได้แก่ Adrenaline (dose 0.01 ml/kg/dose maximum 0.3 ml ในเด็ก และ 0.5 ml ในผู้ใหญ่), Chlorpheniramine, 0.9% NaCl ซึ่งมีเฉพาะในสถานพยาบาลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ไม่ควรซื้อยามากินเอง เพราะวิธีใช้ยาแก้แพ้แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน และบางชนิดอาจทำให้เสมหะเหนียวข้น หรือทำให้ไอมากขึ้นได้ และภูมิแพ้เป็นโรคที่มักเป็นเรื้อรัง จึงจําเป็นต้องมีการใช้ยาต่อเนื่องสม่ำเสมอ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
ที่สำคัญ อย่าลืมที่จะป้องกันภูมิแพ้ด้วยการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยนะคะ
ผู้เขียน
ธมนวรรณ พรพาณิชเจริญ
เภสัชกร