ในสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญกับโรคระบบทางเดินหายใจที่ระบาดและแพร่กระจายได้ง่ายอย่าง COVID–19 หน้ากากอนามัยจึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยควบคุมการระบาดของโรค ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์แบบใช้แล้วทิ้ง หรือหน้ากากผ้า
หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control : CDC) แนะนำให้บุคคลอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ และหากอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อหรือต้องสงสัยติดเชื้อ แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ที่บ้านด้วย
หน้ากากอนามัย ใส่ยังไงให้ถูกวิธี
วิธีการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
- หน้ากากอนามัยต้องแนบใบหน้า โดยเลือกหน้ากากอนามัยที่มีแกนโลหะแล้วกดแกนของหน้ากากอนามัยให้แนบสนิทกับใบหน้า เพราะหากมีช่องว่างอยู่ จะทำให้มีโอกาสที่ละอองฝอยที่มีเชื้อจะเล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายได้
- ตรวจสอบเสมอว่าหน้ากากอนามัยปิดได้ทั้งจมูก ปาก และคาง โดยหากหน้ากากอนามัยปิดได้ทั่วถึงทั้ง 3 ตำแหน่ง ผู้สวมใส่จะรู้สึกถึงลมอุ่น ๆ ในหน้ากากอนามัย
- เพิ่มชั้นของหน้ากากอนามัย โดยสวมหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งและสวมทับอีกชั้นด้วยหน้ากากผ้าเพื่อให้กระชับกับใบหน้ามากขึ้น หรือหากหน้ากากชั้นเดียวไม่กระชับกับใบหน้า ให้ผูกปมที่ห่วงหน้ากากอนามัย โดยหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาในห้องทดลองมาแล้วว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งในการป้องกันการแพร่ละอองฝอยออกจากตัวผู้ป่วย และป้องกันการรับละอองฝอยที่ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นถึง 95% เทียบกับคนที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
- ไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งซ้อนกัน 2 ชั้น เพราะไม่ได้ช่วยให้กระชับกับใบหน้ามากขึ้น และหากใช้หน้ากากอนามัยแบบ N95 แล้วไม่แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยเพิ่มอีกชั้น
นอกจากนี้ การสวมหน้ากากอนามัยต้องมั่นใจด้วยว่าผู้สวมใส่สามารถหายใจได้ ต้องระวังการสัมผัสหน้ากากอนามัยในระหว่างวันเพราะมีโอกาสที่เราจะไปสัมผัสเชื้อและติดเชื้อจากการสัมผัสบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ดวงตา ดังนั้นก่อนและหลังสวมหน้ากากอนามัยควรล้างมือให้สะอาด และหากหน้ากากอนามัยเปียกไม่ว่าจะจากลมหายใจ หรือฝนตก ให้รีบเปลี่ยนหน้ากากอนามัยไม่ควรใส่ต่อ