คีโตเจนิค ไดเอท หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า คีโต เป็นการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารที่ทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากน้ำตาลกลูโคส ในระดับที่ร่างกายต้องดึงไขมันมาใช้ เป็น "ภาวะคีโตซิส" ซึ่งทำให้เบิร์นไขมันได้เร็วมากกว่าปกติ แม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย เพียงปรับพฤติกรรมการรับประทาน
กินไขมันเพื่อลดไขมัน
กฎหลักๆ ของคีโตเจนิค ไดเอท ก็คือ กินไขมันที่มีคุณภาพดีในปริมาณสูง รวมทั้งโปรตีนด้วย โดยให้เลี่ยงคาโบไฮเดตรและน้ำตาลให้มากที่สุด (ควรทานบ้าง ไม่เกิน 5%-10% ต่อวัน) การกินแบบนี้จะทำให้ร่างกายเข้าใจว่าเราไม่ได้กินแป้งเข้าไป จึงต้องไปดึงเอาไขมันในร่างกายมาแทนโดยตรง ซึ่งช่วยลดไขมันได้อย่างชัดเจน
ห้ามกินอะไรบ้าง และแบบไหนกินได้
อาหารที่เหมาะสำหรับ คีโตเจนิค ไดเอท ได้แก่
- ไขมัน โดยเน้นเป็นไขมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และไขมันจากสัตว์ เช่น เนื้อติดมัน เครื่องในสัตว์
- ผักใบเขียว โดยสามารถรับประทานผักใบเขียวได้ทุกชนิด
- นม โดยให้เน้นเป็นนมพร่องมันเนยที่มีไขมันต่ำ หรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย ชีส
- ถั่วเมล็ดเดี่ยว เช่น วอลนัท แมคคาเดเมีย อัลมอนด์
ส่วนอาหารที่คนกินคีโตควรหลีกเลี่ยง เช่น
- ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง หรือขนมหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
- ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว หรืออาหารแปรรูปที่มีส่วนผสมของแป้ง
- เครื่องดื่มผสมน้ำตาล
อาหารหลักๆ ในแต่ละวัน จึงควรเป็นสลัดผักใบเขียว (น้ำสลัดไม่ควรมีน้ำตาล) กับเนื้อสัตว์ เน้นผักใบเขียวที่ไม่ให้พลังงาน ทานไขมันและโปรตีนในระดับที่เหมาะสม โดยไม่ทานข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว ขนม ผลไม้
ระยะเวลาการกินคีโต
การลดน้ำหนักด้วยการกินคีโต จะเห็นผลในระยะเวลาสั้นๆ (ประมาณ 2 - 3 เดือน) ทำให้รู้สึกว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าวิธีอื่น สามารถลดน้ำหนักได้เร็วในเวลาสั้น โดยเฉพาะคนที่น้ำหนักตัวเกินมากๆ ถ้าทำให้เกิด ภาวะคีโตซิส ได้ อาจลดได้วันละหลาย 5 ขีด หรือ ถึงกิโลกรัม (ขึ้นกับน้ำหนักตัว)
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยในระยะยาว มักจะให้ผลไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะคนที่น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติจะไม่เหมาะกับวิธีนี้ และหากไม่เติมสารอาหารที่ขาดหายไป อาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และเมื่อกลับมากินคาร์โบไฮเดรตก็อาจทำให้เกิดโยโย่ได้ง่าย ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ข้อดีและข้อเสียที่ต้องรู้
ข้อดีของการกินอาหารแบบคีโต คือ ทำให้เห็นผลได้เร็ว น้ำหนักลดลง สูญเสียมวลกล้ามเนื้อน้อย ไม่ต้องออกกำลังกายมาก และไม่ต้องอดอาหาร
ส่วนข้อเสียก็คือ ในระยะยาวอาจทำให้สมดุลของร่างกายเปลี่ยนไป อาจมีทั้งการขับถ่ายผิดปกติ มีกลิ่นปาก นอนไม่หลับ ไปจนถึงอวัยวะภายในทำงานผิดปกติได้ จึงต้องระวังและศึกษาให้เข้าใจ
ข้อห้ามสำหรับคีโตเจนิคไดเอท
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถกินอาหารแบบคีโตเจนิค ไดเอทได้ คนที่ไม่เหมาะสมสำหรับการไดเอ็ทด้วยวิธีนี้คือ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหาร
- ผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไต หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อน
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ที่ต้องทำงานหนัก
การทานแบบคีโต ถือว่าเป็นการไดเอ็ตที่เห็นผลไวจนไม่น่าเชื่อ แต่ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนที่ไม่สามารถงดแป้งได้ และต้องอาศัยวินัยในการกินเป็นอย่างมาก อาจต้องใช้เวลาปรับตัว 2 - 4 สัปดาห์จนกว่าจะงดข้าวได้ แต่ถือเป็นการฝึกจิตที่ดี ส่วนคนที่ไม่สามารถหยุดแป้งได้ หรือ ต้องทานข้าวกับครอบครัวทุกมื้อ ควรหาวิธีไดเอตแบบอื่นแทน