ปัญหาของผู้ป่วยโรคเรื้อรังในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปัญหาหนึ่ง คือ การที่ไม่สามารถไปแพทย์ตามนัดได้ ทำให้ยาของผู้ป่วยบางรายหมด และจำเป็นต้องซื้อยาที่ร้านขายยาใช้ไปก่อนจนกว่าจะถึงวันนัดครั้งถัดไป โดยอาจลืมไปเเล้วว่าข้อควรระวังต่าง ๆ ของยาที่ใช้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาในกลุ่มโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งยาแต่ละชนิดล้วนเเล้วเเต่มีข้อความระวังที่เเตกต่างกัน โดยในวันนี้เภสัชจะชวนมาทบทวนในเรื่องของข้อควรระวังต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยเมื่อใช้ยาลดไขมันในเลือดกลุ่มที่นิยมใช้กัน นั้นคือยาลดไขมันกลุ่ม Statin นั่นเอง
ยากลุ่ม Statin มียาอะไรบ้าง
ยากลุ่ม Statin เป็นยาลดไขมันในเลือดซึ่งได้แก่ตัว ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin), พราวาสแตติน (Pravastatin), ฟลูวาสแตติน (Fluvastatin), อะทอร์วาสแตติน (Atorvastatin), โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin), พิทาวาสแตติน (Pitavastatin)
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม Statin
ยากลุ่ม Statin มีผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังนี้
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- ง่วงนอน นอนไม่หลับ
- ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ
- มีผลต่อการทำงานของตับเเละไต
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยเเต่ก็ควรจะต้องระวังไว้ ซึ่งผลข้างเคียงที่เน้นย้ำให้สังเกตคืออาการผิดปกติของกล้ามเนื้อหลังจากใช้ยากลุ่ม Statin
ผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อจากยากลุ่ม Statin
ระยะเวลาการเกิดผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อจะเกิดขึ้นหลังจากใช้ยาได้ 1 เดือน หรือมีการเพิ่มปริมาณยาที่ใช้เเล้ว 1 เดือน โดยอาการต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและจะค่อย ๆ หายไปเอง
ผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อ
โดยอาการที่อาจเกิดขึ้นได้มีหลายรูปแบบ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ กดเเล้วรู้สึกเจ็บ อาจมีอาการตึง เป็นตะคริว หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการรุนแรงที่ควรไปพบแพทย์
ผลข้างเคียงรุนแรงที่ควรไปพบแพทย์ได้แก่ เกิดผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อร่วมกับปัสสาวะมีสีเข้ม (สีเหมือนน้ำล้างเนื้อ) โดยปัสสาวะสีเข้มนี้เกิดจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวจะถือว่าเป็นภาวะที่อันตรายเเละควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
คำแนะนำเพิ่มเติม
- บางครั้งเราอาจไม่สามารถเเยกได้ว่า อาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการใช้งานหรือออกเเรงมากเกินไป หรือเป็นผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Statin ดังนั้นเบื้องต้นเเนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อส่วนที่ปวดไปก่อน
- ยาแก้ปวดต่าง ๆ เช่น Paracetamol, Ibuprofen, Naproxen ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้ได้ ดังนั้นให้สังเกตว่าหากใช้ยาแก้ปวดไปสักพักเเล้วอาการไม่ดีขึ้นอาจสงสัยได้ว่าเป็นการปวดกล้ามเนื้อจากการใช้ยานั้นเอง
- ยาที่ใช้ร่วมกับยากลุ่ม Statin เเล้วทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดผลค้างเคียงมีมากขึ้น เช่น
- ยาปฏิชีวนะ : คลาริโทรไมซิน (Clarithromycin), อีรีโทรไมซิน (Erythromycin)
- ยาฆ่าเชื้อรา : ฟลูโคนาโซล (Fluconazole), คีโทโคนาโซล (Ketoconazole)
- ยาฆ่าเชื้อไวรัส : อะทาแซนาเวียร์ (Atazanavir), โลพินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ (Lopinavir/Ritonavir)
เนื่องจากยาเหล่านี้จะทำให้ปริมาณยาในร่างกายสูงขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น ดังนั้นเเล้วหากจำเป็นต้องใช้ยาแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเพื่อความปลอดภัย
โดยสรุปเเล้ว ยากลุ่ม Statin นับว่าเป็นยาที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย เเต่ก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยให้สังเกตว่าเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปหรือไม่ หากเกิดผลข้างเคียงขึ้นเเละสงสัยว่าอาจเกิดจากยากลุ่มนี้ ก็แนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์เเละเภสัชกรจะดีที่สุด
ผู้เขียน
จิตริน ฟองสถาพร
เภสัชกร
อ่านอะไรต่อดี ?
เคล็ดลับลดไขมันในเลือด โดยไม่ใช้ยา
5 โรคอันตราย ภัยเงียบของคนอ้วนลงพุง
ยาลดความอ้วน ภัยร้าย อันตรายถึงชีวิต
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา Fascino ผ่านระบบเทเลฟาร์มมาซี เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพทุกช่องทาง
- ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
- Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
- Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
- โทร : 02-111-6999