อาการคันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ยา การแพ้สารเคมีในครีมทาผิว หรือ อาการคันที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งการคันจากเชื้อราจะมีหลายแบบและใช้วิธีรักษาที่ต่างกันไป แล้วเราจะสังเกตความแตกต่างอย่างไร ลองมาดูกันค่ะ
อาการคันที่พบบ่อย
อาการคันจากเชื้อราที่พบได้บ่อยก็มีอยู่ 3 ชนิด
1. กระ
อาการของกระ ก็จะมีผื่นเป็นวงกลม มีอาการคัน แล้วก็มีขอบที่ชัดเจน ผื่นมักจะขึ้นตามตัวตามหลังตามใบหน้า
แล้วก็สําหรับใครที่ชอบทํางานกลางแจ้ง หรือว่าไม่ค่อยชอบอาบน้ำ ก็จะมีโอกาสเป็นกลากได้บ่อย
2. เกลื้อน
เกลื้อนมีลักษณะเป็นวงคล้ายกับกระ แต่จะมีหลายสีมากกว่า ทั้งสีขาวสีน้ำตาลแล้วก็สีดํา แล้วก็ไม่มีอาการคัน
3. เชื้อแคนดิดา
ส่วนต่อมานะคะอีกชนิดหนึ่งก็เป็นการติดเชื้อคานิดาค่ะ โดยลักษณะของผื่นก็จะเป็นผื่นแดงแฉะ
แล้วก็สามารถลุกลามได้ โดยส่วนใหญ่ มักจะขึ้นบริเวณข้อพับขาหนีบแล้วก็รักแร้ หรือบางครั้งก็สามารถขึ้นเป็นฝ้าขาวบนลิ้นได้เหมือนกัน
ยารักษาโรคผิวหนัง
ต้องบอกว่ามีหลายตัวเลยค่ะ เช่น
- คีโตโคนาโซ (Ketoconazole)
- โคลไตรมาโซล (Clotrimazole)
- ฟลูโคนาโซล (Fluconazole)
ซึ่งยาแต่ละตัว ก็ใช้รักษาเชื้อราต่างชนิดกัน แล้วก็มีวิธีการใช้ยาที่แตกต่างกันค่ะ ใช้ทดแทนกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร ควรรู้ว่ายาชนิดไหนใช้รักษาอะไร แล้วควรดูตรวจดูบริเวณที่มีปัญหาผิวหนังเพื่อระบุปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้น ควรที่จะไปซื้อยากับเภสัชกรที่ร้านขายยา เพื่อให้เภสัชกรแนะนําวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องให้ดีแล้วก็ปลอดภัยที่สุดนั่นเองค่ะ
อาการคันจากเชื้อรา ต้องใช้ยาอะไร
ยาฆ่าเชื้อรา อย่ายืมเพื่อน !
ยาฆ่าเชื้อรา หายแล้วอย่าหยุดทา
บทความแนะนำ
อาการคันแบบนี้ เกิดจากเชื้อราชนิดไหน ?