
เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ บางคนอาจรีบเตรียมขวดนม เสื้อผ้า และของใช้เด็ก แต่รู้หรือไม่ว่า คุณแม่สามารถมอบสุขภาพดี ให้เจ้าตัวน้อยได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในท้องเลยนะ วันนี้ เภฯ มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากว่าที่คุณแม่มือใหม่ทุกท่านครับ
นอกจากพันธุกรรมจากพ่อและแม่แล้ว สิ่งที่ส่งผลต่อพัฒนาการของทารกน้อยในครรภ์ก็มาจากพฤติกรรมของตัวคุณแม่นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต สารอาหารที่ได้รับ หรืออารมณ์ความรู้สึก สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กทั้งสิ้น คุณแม่จึงควรใส่ใจและดูแลตัวเอง เพื่อส่งต่อสุขภาพดีให้เจ้าตัวเล็กเติบโตอย่างสมบูรณ์และแข็งแรง
ฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแล
การไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ควรทำอันดับแรกเมื่อรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์ โดยคุณแม่ควรเลือกฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่สะดวกที่สุด ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลลูกของเรา นอกจากไปฝากครรภ์แล้ว คุณแม่ควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงซักถามข้อสงสัยให้เข้าใจ เพื่อความสมบูรณ์ปลอดภัยของทารกในครรภ์
ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
การใช้ยาเป็นเรื่องที่สตรีมีครรภ์ควรให้ความสำคัญ เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ ยาบางตัวอาจปลอดภัยสำหรับแม่ แต่ส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกได้เลย เพราะฉะนั้น ไม่ควรซื้อยามากินเอง และปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยาตัวใหม่ รวมถึงยาตัวเดิมที่ใช้อยู่เป็นประจำด้วยเช่นกัน
เลือกกินอาหารดีมีประโยชน์
ในระหว่างตั้งครรภ์ สารอาหารที่เจ้าตัวเล็กได้รับนั้นก็มาจากคุณแม่เพียงช่องทางเดียว นั่นหมายความว่าคุณแม่ต้องเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ทั้งแม่และเด็กได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน นอกจากนี้ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง ตับ ผักใบเถา ผลไม้ย่อยยาก และผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง อาหารไม่สุก และอาหารแช่เข็ง เพื่อหลีกเลี่ยงผลร้ายที่อาจเกิดกับลูกน้อย
เน้นโฟลิกสารอาหารสำคัญ
โฟลิก หรือ โฟเลต เป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่จำเป็นสำหรับสตรีมีครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะโฟลิกช่วยส่งเสริมพัฒนาการ การเจริญเติบโต และป้องกันความพิการของทารกในครรภ์ ซึ่งโฟลิกพบมากในผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว ไข่ นม และถั่ว โดยคุณแม่ควรรับประทานโฟลิกตั้งแต่ 1-3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ จนถึงช่วงอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เพื่อให้โฟลิกสร้างประโยชน์สูงสุดต่อลูกน้อย
นอนตะแคงซ้ายช่วยได้
แน่นอนว่าการนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องทำเพื่อให้สุขภาพของเจ้าตัวน้อยแข็งแรง แต่นอกจากปริมาณการนอนแล้ว ท่านอนก็มีผลต่อลูกเช่นกัน โดยท่านอนที่เหมาะกับสตรีที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป คือ ท่านอนตะแคงซ้าย การนอนท่านี้จะช่วยให้เลือดสูบฉีดดีขึ้น ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น แต่ก็ไม่ควรนอนตะแคงนานเกินไป เพราะอาจทำให้ปวดหลัง กล้ามเนื้อหลังทำงานไม่เท่ากัน จนอาจทำให้กระดูกสันหลังคดได้
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายส่งผลดีต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์ เพราะการออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดของแม่ดีขึ้น การถ่ายเทออกซิเจนไปสู่ทารกจึงดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อย อีกทั้งเจ้าตัวเล็กยังรู้สึกสดชื่นเหมือนได้ออกกำลังกายไปพร้อมกับแม่ นอกจากนี้ การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยให้คลอดง่ายขึ้นอีกด้วย แต่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนท้องก่อนเพื่อความปลอดภัย
ลดความเครียด
ความเครียดของแม่อาจส่งผลร้ายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ หากคุณแม่มีความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้ทารกขาดสารอาหาร โตช้า คลอดก่อนกำหนด รวมถึงมีโอกาสแท้งลูกได้ หากคลอดแล้วก็อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเด็ก กลายเป็นเด็กขี้โมโห งอแง อ่อนไหวง่าย เลี้ยงยาก มีปัญหาด้านการเข้าสังคม อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดัน เบาหวาน และโรคหัวใจอีกด้วย
งดบุหรี่และแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นวายร้ายที่ส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์อย่างร้ายแรง หากคุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทั้งทางร่างกายและพัฒนาการทางสมอง ทารกพิการแต่กำเนิด หรืออาจถึงขั้นแท้งลูกได้
ส่วนบุหรี่ มีสารพิษหลายชนิด เช่น นิโคติน ทาร์ คาร์บอนมอนน็อกไซด์ เป็นต้น สารพิษเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น ตั้งครรภ์นอกมดลูก คลอดก่อนกำหนด หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นแท้งลูกได้เลย ซึ่งนอกจากต้องเลิกสูบแล้ว ยังต้องระวังควันบุหรี่มือสองด้วย เพราะผลร้ายไม่ต่างจากสูบเอง
คุณแม่สามารถดูแลสุขภาพของลูกน้อยได้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลือกกิน ลดเครียด เลิกแอลกอฮอล์และบุหรี่ หันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้นโดยการปฏิบัติตามคำแนะนำในบทความนี้ เพื่อมอบสิ่งดีๆ ให้ยอดดวงใจของคุณแม่