
“แผลเป็น” เป็นอุปสรรคสำคัญของความงามที่ทำให้สาว ๆ หลายคนเกิดความกังวลและเกิดความไม่มั่นใจ แต่ใช่ว่าแผลเป็นเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะคงอยู่ไปตลอด เราสามารถลดเลือนรอยแผลเป็นได้หลายวิธี วันนี้เภสัชกรมี 3 เคล็ดลับบอกลารอยแผลเป็นมาฝากกัน
ทำไมจึงเกิดแผลเป็น
แผลเป็นนั้นเกิดจากกระบวนการรักษาตัวเองของร่างกายหลังจากเกิดการฉีกขาดของผิวหนัง ในระหว่างที่ร่างกายกำลังฟื้นฟูตัวเองอาจเกิดการซ่อมแซมไม่สมบูรณ์ จึงทำให้แผลมีลักษณะนูน แดง อาจมีอาการคัน หรือปวดร่วมด้วย เมื่อแผลปิดสนิทคงที่แล้วจะมีลักษณะแบนราบ และสีจางลง ผิวหนังของมนุษย์ประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ หากบาดแผลที่เกิดขึ้นลึกถึงชั้นหนังแท้ หรือแผลเป็นติดเชื้อถึงชั้นหนังแท้ หรือชอบแกะสะเก็ดแผลบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
แผลเป็นมีกี่ชนิด
แผลเป็นมีหลายรูปแบบ โดยสามารถแบ่งออกได้ง่าย ๆ 3 ชนิด ได้แก่
- แผลเป็นโตนูน มี 2 แบบ เป็นแผลเป็นที่โตนูน แต่ไม่เกินขอบเขตของแผลเดิม ในระยะแรกจะมีลักษณะนูน แดง คัน ส่วนอีกแบบหนึ่งคือแผลเป็นคีลอยด์ ที่บริเวณแผลเป็นจะมีลักษณะโตนูนและขยายใหญ่เกินขอบเขตของแผลเดิม
- แผลเป็นลึกบุ๋ม แผลจะมีลักษณะเป็นร่องหรือรูบุ๋มลึกลงไปใต้ผิวหนัง
- แผลเป็นที่มีการหดรั้งร่วมด้วย ซึ่งแผลเป็นชนิดนี้ จะดึงรั้งผิวหนังหรืออวัยวะบริเวณแผลให้ผิดรูปได้
ไม่อยากมีแผลเป็นต้องป้องกันอย่างไร
หากไม่อยากให้เกิดแผลเป็น ควรดูแลตั้งแต่ตอนมีแผลใหม่ ๆ เลยค่ะ โดยเริ่มจากการนวดหรือกดบริเวณนั้นอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง 3-6 เดือนหลังจากเกิดแผล วิธีนี้จะช่วยลดการขยายตัวและนูนเกินของแผลได้ค่ะ ในกรณีที่มีแผลเป็นขนาดใหญ่และกว้าง อาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือผ้ารัดบริเวณที่เกิดแผลเป็น
วิธีการรักษารอยแผลเป็น
การรักษารอยแผลเป็นขึ้นกับอายุและความลึกของแผล โดยทั่วไป ส่วนใหญ่เกิน 95% สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัดค่ะ
- กรณีแผลเป็นมีขนาดเล็กและเพิ่งเกิดได้ไม่นานนัก สามารถใช้ครีมลดรอยแผลเป็น เช่น ยาทาที่มีวิตามิน E หรือ วิตามิน A หรือ ครีมที่มี Cepalin ซึ่งเป็นสารสกัดจากหัวหอม เป็นส่วนประกอบ รวมทั้งยาในกลุ่มสเตียรอยด์
- สำหรับแผลเป็นใหม่ ๆ ควรใช้แผ่นซิลิโคนเจลปิดบริเวณแผลเป็น เพื่อลดการขยายตัวของแผล มาปิดไว้บนบาดแผล หลังจากบาดแผลหายดีแล้ว 7 วัน ให้ปิดแผลไว้ตลอด 24 ชั่วโมงติดต่อกัน 3 เดือน จะทำให้ผิวหนังบริเวณแผลมีความชุ่มชื้นมากขึ้น และช่วยลดการอักเสบได้
- หากมีแผลลึกหรือเป็นแผลเป็นมานาน อาจต้องใช้การฉีดยาสเตรียรอยด์เข้าที่บริเวณแผลเป็น ทำการผ่าตัด หรือทำเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น ซึ่งหากต้องการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การรักษาแผลเป็นให้ได้ผลดีที่สุด ควรใช้การรักษาหลายวิธีควบคู่กันค่ะ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านยาใกล้บ้าน หรือมาปรึกษาที่ร้านขายยาฟาสซิโนก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ผู้เขียน
สิราวรรณ ล้วนสุธรรม
เภสัชกร
อ่านอะไรต่อดี ?
แผลเป็นเกิดจากอะไร รักษาได้ไหม บทความนี้มีคำตอบ
มีแผลเป็น แผลนูน คีลอยด์ กินไข่ได้ไหม แผลจะหายช้าหรือไม่
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา Fascino ผ่านระบบเทเลฟาร์มมาซี เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพทุกช่องทาง
- ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
- Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
- Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
- โทร : 02-111-6999