รอยแผลเป็นเหมือนฝันร้ายที่หลายคนอยากกำจัดออกไปจากร่างกาย แต่ขึ้นชื่อว่าแผลเป็น มักติดแน่นทนนานไม่สามารถลบออกไปได้ง่าย ๆ โดยแผลเป็นนั้นมีหลายรูปแบบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นรอยสิวหรือริ้วรอย หรือแผลจากอุบัติเหตุ แผลเป็นแต่ละแบบก็มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เรามีเคล็ดลับลดเลือนรอยแผลเป็นที่ไม่พึงประสงค์ให้จางลงและเรียบเนียนขึ้นมาฝากกัน
แผลเป็นเกิดจากอะไร ?
แผลเป็นเกิดจากกระบวนการรักษาบาดแผลของร่างกาย เมื่อเกิดบาดแผลบนผิวหนัง เช่น มีดบาด ไฟไหม้ หกล้ม ร่างกายของเราจะผลิตคอลลาเจนมาสร้างเนื้อเยื่อบริเวณที่ได้รับความเสียหายขึ้นใหม่ หากผ่านไประยะหนึ่งแล้วร่างกายยังสร้างคอลลาเจนและมีเลือดมาเลี้ยงบริเวณแผลอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้แผลเป็นนูนและแดง เมื่อร่างกายหยุดสร้างคอลลาเจนและเลือดมาเลี้ยงลดลง แผลเป็นก็จะค่อย ๆ ยุบและจางลงไปเอง
นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นนั้นของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่เป็นแผล เพศ กรรมพันธุ์ อายุ เป็นต้น แผลเป็นนั้นไม่มีวันหายไปอย่างหมดจดได้ ทำได้เพียงทำให้แผลเป็นนุ่ม เรียบ และสีจางลงเท่านั้น
แผลเป็นมีกี่แบบ ?
แผลเป็นสามารถแบ่งได้หลายรูปแบบตามลักษณะของแผล ตัวอย่างเช่น
- แผลเป็นจากสิว (Acne Scars) แผลเป็นจากสิวนั้นเกิดจากการที่สิวอักเสบอย่างรุนแรงจนกลายเป็นแผลเป็นในที่สุด โดยรอยแผลเป็นจากสิวนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น เป็นรอยหลุมลึก หรือผิวขรุขระ เป็นต้น
- แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scars) แผลเป็นชนิดนี้เกิดจากกระบวนการรักษาแผลของร่างกายไม่สมดุล ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลมีลักษณะนูนแดง แต่แผลเป็นนูนจะเกิดขึ้นบริเวณแผลเท่านั้น ไม่ลุกลามออกไปด้านนอก
- แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid Scars) แผลเป็นคีลอยด์นั้นพบได้มากในผู้ที่มีสีผิวเข้ม โดยมีลักษณะคล้ายกับแผลเป็นนูน แต่จะต่างกันตรงที่แผลเป็นคีลอยด์นั้นเนื้อเยื่อจะโตออกมานอกบริเวณแผลด้วย และเนื้อเยื่อดังกล่าวอาจขนาดตัวขึ้นเรื่อย ๆ แม้แผลจะหายแล้วก็ตาม
- แผลเป็นหดรั้ง (Contracture Scars) แผลเป็นลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับแผลไฟไหม้ โดยแผลเป็นหดรั้งจะส่งผลให้ผิวหนังตึงและอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ แผลเป็นหดรั้งอาจลึกจนส่งผลต่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้อีกด้วย
แผลเป็นรักษาได้อย่างไรบ้าง ?
การรักษาแผลเป็นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะของแผลเป็น อายุของแผลเป็น หรือการวินิจฉัยของแพทย์ เป็นต้น โดยมีตัวอย่างของการรักษาแผลเป็น ดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาแผลเป็นที่หาซื้อได้ในท้องตลาด
- ใช้เจลหรือแผ่นซิลิโคนรักษาแผลเป็นต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน
- ใช้แผ่นผ้าแปะกดรักษาแผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้และแผลเป็นที่เป็นมานาน
- ฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อรักษาแผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูนให้ยุบตัวและจางลง
- ฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มแผลเป็นจากหลุมสิว
- ใช้แสงเลเซอร์จี้ทำให้สีของแผลเป็นจางลง และทำให้แผลเป็นหลุมสิวเรียบเนียนขึ้น
- รักษาแผลเป็นด้วยวิธีการผ่าตัด
แผลเป็นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อีกทั้งยังมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสาเหตุและลักษณะของแผล ที่สำคัญ หากเป็นแผลหรือได้รับบาดเจ็บ ควรเข้ารับการรับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว รวมทั้งทำความสะอาดแผลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
ขอบคุณภาพจาก Freepik
อ่านอะไรต่อดี ?
มีแผลเป็น แผลนูน คีลอยด์ กินไข่ได้ไหม แผลจะหายช้าหรือไม่