
หลายคนเชื่อว่าการทานสมุนไพรดีกว่าการใช้ยาสังเคราะห์ แต่สมุนไพรบางอย่างก็ทานต่อเนื่องไม่ได้ อาจมีการสะสมหรือทำให้ต้องทานในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในสมุนไพรที่อาจอันตรายในระยะยาว คือ พวกยาระบายสมุนไพรที่หาซื้อได้ง่าย ถ่ายคล่อง แต่ไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว
กลไกของยาระบายมะขามแขก
ยาระบายมะขามแขก มีสารสําคัญในการออกฤทธิ์ก็คือ sennoside A และ sennoside B
สารทั้งสองชนิดนี้จะออกฤทธิ์ในการระบาย โดยกระตุ้นให้ลําไส้เกิดการบีบตัว ทําให้เราขับถ่ายออกมาได้ง่ายขึ้น
เสี่ยงต่อ ลำไส้ขี้เกียจ
การที่เรารับประทานยากลุ่มนี้เป็นเวลานาน ทําให้ลําไส้เกิดการจดจําและทํางานเฉพาะเวลาที่เรารับประทานยาเข้าไปเท่านั้น เกิดอาการลำไส้ขี้เกียจ
พอลำไส้ขี้เกียจ จะเริ่มไม่ขับถ่ายตามปกติ รอให้มีสมุนไพรกระตุ้นเข้าร่างกาย ส่งผลให้เราต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขนาดของยาเรื่อย ๆ
คนไข้บางรายต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้นทุกปี บางคนต้องกินทีละ 10-20 เม็ดขึ้นไป บางรายทานตั้งแต่วัยรุ่น พอถึงวัยชราต้องทานทีละ 40-50 เม็ดต่อครั้ง
ปรับพฤติกรรมป้องกันท้องผูก
วิธีการป้องกัน คือ ใช้ยากลุ่มนี้เมื่อจําเป็นเท่านั้น และไม่ใช้ยาติดต่อกันนานเกิน 5-7 วัน
นอกจากนี้นะคะ เราควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดอาการท้องผูก
โดยการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ขับถ่ายเป็นเวลา หรือเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มพรีไบโอติกโพรไบโอติกส์
ซึ่งจะดีต่อระบบสมดุลการขับถ่ายในระยะยาวได้มากกว่านั่นเอง
มียาช่วยกระตุ้นขับถ่ายหลายชนิดที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเท่ามะขามแขก สามารถทานต่อเนื่องได้ปลอดภัยกว่ายาระบายสมุนไพร ลองปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาได้ค่ะ
ยาระบายมะขามแขก ทำให้ลำไส้ขี้เกียจจริงหรือ ?