การนอนกรน เป็นอาการที่น่าปวดหัวทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งนอกจากจะสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของตัวผู้กรนเองได้อีกด้วย ซึ่งผู้ที่มีอาการกรนรุนแรง อาจมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงหลายชนิด อย่างโรคความดันโลหิตหรือโรคหลอดเลือดสมอง โดยผู้ที่อาการนอนกรนแบบไม่หนักมาก สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตัวเอง แต่กรณีที่มีอาการรุนแรง ก็จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง
รูปแบบของอาการนอนกรน
อาการนอนกรนนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท แตกต่างกันที่ระดับความรุนแรงของการกรนและผลกระทบต่อสุขภาพ
- อาการนอนกรนธรรมดา (ไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย) มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้อื่น เช่น ทำให้ผู้อื่นรำคาญและนอนไม่หลับ หรืออาจถึงขั้นกระทบต่อความสัมพันธ์ เช่น ทำให้เกิดการหย่าร้างระหว่างคู่สามีภรรยา
- อาการนอนกรนอันตราย (มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย) การกรนประเภทนี้ส่งผลกระทบสำคัญต่อสุขภาพ คือ ผู้ป่วยอาจมีอาการง่วงมากกว่าปกติในเวลากลางวัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือในโรงงานอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอื่น ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตในปอดสูง โรคหลอดเลือดสมอง หรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ปรับพฤติกรรม แก้การนอนกรน
สำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนที่ไม่รุนแรงมาก สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตัวเองโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น
- ลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือคนอ้วน การลดน้ำหนักจะช่วยให้อาการนอนกรนและอาการหยุดหายใจขณะหลับดีขึ้น อาการกรนน้อยลงและนอนหลับได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้การนอนหลับแย่ลง และยังกดการหายใจทำให้กรนมากขึ้น ส่งผลให้การนอนกรนหรือการหยุดหายใจขณะหลับมากขึ้นตามไปด้วย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยานอนหลับ เพราะยานอนหลับจะไปกดการหายใจ ทำให้กรนมากขึ้น และโรคนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับจะเป็นมากขึ้น หากผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย
- เปลี่ยนท่านอน โดยเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงแทนการนอนหงาย เพราะการนอนตะแคงจะช่วยให้การนอนกรนน้อยลง
กรนหนักไม่ไหว ให้แพทย์รักษา
หากอาการนอนกรนอยู่ในขั้นรุนแรง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจไม่เพียงพอแล้ว ต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยาและวิธีอื่น ๆ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- แพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกไปใช้วันละครั้งก่อนนอน โดยพ่นยาเข้าไปในโพรงจมูกข้างละ 2 ครั้ง (ตามคำแนะนำในการพ่นยาในจมูก) ตัวยาจะทำให้เยื่อบุจมูกยุบบวม ทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น และยังช่วยหล่อลื่นลดการสะบัดตัวของเพดานอ่อนและลิ้นไก่ ทำให้เสียงกรนเบาลง ซึ่งยาสเตียรอยด์พ่นจมูกจะช่วยลดเสียงกรนและลดอาการผิดปกติต่าง ๆ จากการนอนกรนได้เต็มที่ โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์
- หากพ่นยาสเตียรอยด์ในจมูกครบ 2 สัปดาห์แล้ว เสียงกรนไม่ลดลงหรือลดลงเพียงเล็กน้อย อาจทดลองใช้เครื่องเป่าลมเข้าไปในทางเดินหายใจส่วนบน (Continuous Positive Airway Pressure : CPAP) โดยเครื่องมือนี้เป็นการนำหน้ากากครอบจมูก และ/หรือปากขณะนอนหลับ ซึ่งหน้ากากนี้จะต่อเข้ากับเครื่องที่สามารถขับลมซึ่งมีแรงดันเป็นบวกออกมา ลมที่ขับออกมาขณะนอนหลับจะช่วยไม่ให้ทางเดินหายใจเกิดการอุดกั้นขณะหายใจเข้า
โดยเลือกใช้เครื่อง CPAP ที่ปรับระดับความดันได้อัตโนมัติ (Auto CPAP) เป็นระยะเวลา 1 - 2 สัปดาห์ แล้วลองสังเกตเสียงกรนและอาการผิดปกติต่าง ๆ ว่าลดลงหรือไม่
- หากอาการลดลง และคิดว่าจะใช้ได้ไปตลอดและจำเป็นต้องรักษาโดยเร่งด่วน ก่อนรับการตรวจการนอนหลับ อาจพิจารณาซื้อเครื่องมาใช้ก่อนก็ได้ และมาพบแพทย์เมื่อได้ผลการตรวจการนอนหลับแล้ว
- หากอาการลดลง แต่อยากจะรอจนกว่าได้ผลการตรวจการนอนหลับก่อนค่อยตัดสินใจ ก็ควรบอกแพทย์ถึงประสบการณ์การทดลองใช้เครื่อง CPAP ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
หากพ่นยาสเตียรอยด์ในจมูก 2 สัปดาห์ แล้วเสียงกรนไม่ลดลงหรือลดลงเพียงเล็กน้อย และไม่อยากทดลองใช้เครื่อง CPAP หรือทดลองใช้เครื่อง CPAP แล้วแต่ไม่อยากใช้ อาจลองไปปรึกษาทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการรักษาอาการนอนกรน โดยสอบถามขั้นตอนการรักษาก่อนเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก: si.mahidol.ac.th / si.mahidol.ac.th/sidoctor / ucsfhealth.org
ภญ.เกวลิน ตั้งจิตบรรเจิด
ผู้เขียน
อ่านอะไรต่อดี
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แค่นอนกรนอาจถึงตาย
การนอนไม่หลับ ต้องใส่ใจ อันตราย กว่าที่คิด
รู้ไว้ปลอดภัยกว่า! ยานอนหลับ กับข้อควรระวังที่ต้องใส่ใจ
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา Fascino ผ่านระบบเทเลฟาร์มมาซี เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพทุกช่องทาง
- ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
- Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
- Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
- โทร : 02-111-6999