การวัดไข้หรือวัดอุณหภูมิในร่างกายเป็นหนึ่งในข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ประเมิณว่าเราป่วยหรือไม่ อุปกรณ์อย่าง ปรอทวัดไข้ หรือ เทอร์โมมิเตอร์ จึงเป็นสิ่งที่ทุกบ้านควรมีติดไว้เพื่อความปลอดภัย อย่างน้อยจะได้ประเมิณอาการเบื้องต้นได้ก่อนจะนำคนไข้ส่งถึงมือหมอ แต่ปัจจุบันปรอทวัดไข้มีทั้งแบบแก้วและแบบดิจิตอล หลายคนอาจสงสัยว่าแต่ละแบบต่างกันอย่างไร ใช้งานเหมือนกันไหม บทความนี้มีคำตอบให้แล้ว
ปรอทวัดไข้แบบแก้ว
ปรอทวัดไข้แบบแก้วเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่ใช้กันมายาวนาน นอกจากใช้วัดอุณหภูมิภายในร่างกายคนแล้วในสมัยก่อนยังใช้วัดอุณหภูมิภายในบ้านอีกด้วย โดยภายในหลอดแก้วจะมีสารปรอทซึ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและไม่เกาะผิวของหลอดแก้ว ทำให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน
วิธีใช้ปรอทแบบแก้ววัดไข้ ใช้ได้โดยการนำปลายเทอร์โมมิเตอร์ฝั่งที่มีกระเปาะสารปรอทไปสัมผัสกับร่างกายตามจุดต่าง ๆ เช่นใต้ลิ้น รักแร้ หรือทวารหนัก ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีให้ปรอทนิ่งก่อนค่อยอ่านค่าอุณหภูมิ
- ข้อดี ราคาถูก หาซื้อง่าย ใช้งานง่าย หยิบใช้สะดวก ไม่ต้องใส่ถ่าน/ชาร์จไฟ
- ข้อเสีย ไม่เหมาะในการใช้กับเด็กเล็ก หากใช้ไม่ระวังอาจทำให้หลอดแก้วแตก ซึ่งหากหลอดแก้วแตกอาจทำให้ร่างกายได้รับอันตรายจากสารปรอทที่อยู่ภายในได้
ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล
ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอลเป็นไอเท็มยอดนิยมที่หลายบ้านมีอยู่แล้ว โดยปรอทวัดไข้ดิจิตอลนั้นพัฒนาขึ้นมาภายหลัง ทำให้มีจุดเด่นหลายอย่างที่ปรอทแบบแก้วไม่มี วิธีใช้คล้ายกับปรอทวัดไข้แบบเดิม แต่ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอลนั้นจะอ่านค่าง่ายและสะดวกกว่าปรอทวัดไข้แบบหลอดแก้ว มีตัวเลขแสดงชัดเจนและเสียงสัญญาณเตือนเมื่ออุณหภูมิคงที่แล้ว
- ข้อดี ใช้สะดวก อ่านค่าง่าย ไม่มีสารปรอท มีเสียงเตือนเมื่ออุณหภูมิคงที่
- ข้อเสีย ราคาแพง ใช้งานไม่ได้หากไม่มีพลังงาน เสียหายง่ายหากโดนน้ำหรือตกพื้น
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าปรอทวัดไข้ทั้งสองแบบทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีไม่ต่างกันเลย แต่ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอลจะได้ความสะดวก ปลอดภัย และใช้ง่ายกว่า ไม่ต้องระวังหลอดแก้วแตกและอันตรายจากสารปรอท แต่ในขณะเดียวกันปรอทแก้วก็มีอายุการใช้งานนานกว่า ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องแบตเตอร์รี่หมด, แบตเสื่อม หรือเครื่องรวน สุดท้ายนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบ้านที่ต้องพิจารณาว่าการใช้งานของตนเองนั้นเหมาะกับปรอทวัดไข้แบบไหนมากกว่ากัน
เลือกซื้อปรอทวัดไข้ที่ดีและมีคุณภาพได้ที่ร้านขายยาฟาสซิโนทุกสาขา และฟาสซิโนออนไลน์ คลิ้กเลย https://bit.ly/3osr4Ju
ขอบคุณภาพจาก Freepik
อ่านอะไรต่อดี ?